Diary

 

อุปสรรค

เมื่อชีวิตเผชิญอุปสรรค
ต้องรู้จักว่านั่นเป็นธรรมดาของชีวิต
อย่าหวั่นไหว เมื่อเจออุปสรรค
เพราะอุปสรรคช่วยสร้างประสิทธิภาพ

ปัจจัยของความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจ
ไม่มีอะไรเกินกว่าอุปสรรค
ผู้ที่ไม่เคยต่อสู้กับอุปสรรค
ไฉนจะรู้จักความสามารถที่แท้จริงของตนได้

ก้อนหินน้อยขวางทางข้ามได้ก็ข้ามไป
ก้อนหินใหญ่ขวางทางเขยื้อนได้เขยื้อนไป
ภูเขาใหญ่ขวางทาง ถ้าต้องไปก็อ้อมไป

ผู้ที่สู้กับอุปสรรคที่ต้องหลีก
และผู้ท้อแท้ต่ออุปสรรคที่ต้องสู้
คือผู้หันหลังให้กับความจริง
และปิดหนทางแห่งความชอบธรรมเสียสิ้น

" ที่เรามีปัญหา

แล้วเป็นทุกข์

ก็เพราะเรา

มัวคิดว่ามันเป็นปัญหา

มากกว่าคิดถึงการลงมือแก้ไข "

เลื่อนตัวเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง

 

         อาจารย์สอนยูโดชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งชวนลูกศิษย์หนุ่มชาวอเมริกันเดินทอดน่องไปตามชายหาดยามเย็น ช่วงหนึ่งของการสนทนาอาจารย์ใช้ไม้เท้าขีดเส้นสองเส้นคู่ขนานลงไปบนผืนทรายขาวละเอียด เส้นหนึ่งยาวประมาณห้าฟุต อีกเส้นหนึ่งยาวประมาณสามฟุต

“ เธอลองทำให้เส้นที่ยาวสามฟุตยาวกว่าเส้นที่ยาวห้าฟุตให้อาจารย์ดูหน่อย”

ลูกศิษย์ชาวอเมริกันหยุดคิดพินิจเส้นทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งก็เผยยิ้มที่ริมฝีปากเหมือนค้นพบคำตอบ ชายหนุ่มบรรจงใช้เท้าข้างหนึ่งค่อยๆ ลบรอยเส้นตรงที่ยาวประมาณห้าฟุตนั้นให้สั้นลงจนเหลือนิดเดียว โดยวิธีนี้เส้นที่ยาวราวสามฟุตจึงโดดเด่นขึ้นมาแทน ลบเสร็จเขาเงยหน้าสบตาอาจารย์พลางขอความเห็น

“ เช่นนี้ใช้ได้หรือยังครับ”

ผู้เป็นอาจารย์ใช้ไม้เท้าเคาะหัวลูกศิษย์เบาๆ หนึ่งทีก่อนบอกว่า “ คู่แข่งของเธอไม่ใช่ศัตรู แต่คือครูของเธอ และเขาคือคนสำคัญที่จะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม เธอลองคิดดู หากไร้เสียซึ่งคู่แข่ง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีศักยภาพในการทำงานขนาดไหน ไม่มีอัปลักษณ์ เธอจะรู้จักความสวยงามได้อย่างไร คู่แข่งขันของเรายิ่งเก่งยิ่งฉลาดล้ำ ก็จะทำให้เรารู้จักขยับตัวเองไปให้สูงส่งยิ่งขึ้น นักสู้ที่ดีนั้นเขายืนหยัดอยู่ในสังเวียนได้เพราะมีคู่ต่อสู้ที่เข้มแข็ง คู่ต่อสู่ที่อ่อนแออาจจะทำให้เราเป็นผู้ชนะ แต่ชัยชนะนั้นมักไม่ยืนยง”

“ คนที่พยายามจะเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยการฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน ถึงแม้จะทำได้สำเร็จ แต่นั่นก็เป็นความสำเร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ ไม่อาจเอ่ยอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยวิธีที่ไม่ชอบธรรม กับการเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยปล่อยให้คนอื่นได้ก้าวไปตามวิถีทางของเขาอย่างเสรีนั้น มีผลลัพธ์ต่างกันเพียงไร”

“ การเลื่อนตัวเองขึ้นพร้อมกับลดคนอื่นลง

เธออาจชนะแต่ก็มีศัตรูเป็นของแถม

การเลื่อนตัวเองขึ้นไปแต่ไม่ลดคนอื่นลง

เธออาจเป็นผู้ชนะ

พร้อมกับมีเพื่อนแท้เพิ่มขึ้นมากมาย

วิธีไหนจะดีกว่ากัน ”

 

เป็นผู้ให้ สุขใจกว่าเป็นผู้รับ

           เพราะการเป็น ผู้ให้ ย่อมมีความสุขใจกว่าการเป็น ผู้รับ ความสุขจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียง ให้ ในเรื่องเล็กๆ ที่อาจไม่ใช่ตัวเงินหรือวัตถุสิ่งของ เช่นการให้รอยยิ้ม ให้โอกาสแก่ผู้อื่น ให้ความรู้ หยุดรถให้คนข้ามถนน ปล่อยให้รถที่ขอเบียดเข้าเลน ให้คำแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือเปิดทางให้ผู้อื่นเข้าลิฟต์ก่อน เป็นต้น และการให้นั้น จะต้องไม่ทำให้ตนเองเดือนร้อน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เกิดความชุ่มชื่นในใจ ทำให้ชีวิตมีความสุข อารมณ์ดีได้ทั้งวัน อย่าลืมว่า "เมื่อยิ่งให้ ก็ยิ่งได้"

"การให้...จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนให้..
ขณะที่ให้..และหลังจากได้ให้ไปแล้ว..."


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กล่องสนทนา^^